ทันตกรรมโรคเหงือกปริทันต์
ปัญหาโรคปริทันต์ หากเหงือกอักเสบถูกทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบซึ่งอาจทำให้สูญเสียฟัน,เหงือกร่นและมีกลิ่นปากได้
การรักษาที่เกี่ยวข้องกับเหงือก ประกอบด้วย
การขูดหินปูนและเกลารากฟัน
การขูนหินปูนทำความสะอาดร่องเหงือกเพื่อป้องกันและรักษาอาการเหงือกอักเสบ
การศัลยกรรมตกแต่งเหงือก
การกำจัดเหงือกที่มากเกินไป
ศัลยกรรมเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวของฟัน
การผ่าตัดเหงือกเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับฟันที่เข้ารับการทำครอบฟัน
ศัลยกรรมปลูกเหงือก
เพิ่มปริมาณความหนาของเหงือกในบริเวณที่เหงือกร่น
การเสริมกระดูก
การเพิ่มกระดูกขากรรไกรในบริเวณที่ไม่สมบูรณ์เพียงพอหรือเพื่อเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับการปลูกรากฟันเทียม
การขูดหินปูนและเกลารากฟัน
การขูดหินปูนและเกลารากฟัน คือ ขั้นการทำความสะอาดเหงือกที่ช่วยลดการอักเสบของเหงือกและช่วยรักษาโครงสร้างของฟัน การทำความสะอาดเหงือกมักใช้กับการรักษาโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์
แบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติในช่องปาก หากมีการเจริญเติบโตในเหงือกเป็นจำนวนมากก็จะก่อให้เกิดผลเสียที่เป็นอันตราย โดยสิ่งนี้จะไปกระตุ้นร่างกายซึ่งทำให้เกิดการอักเสบในเหงือกได้ โดยการอักเสบเรื้อรังของเหงือกจะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกและเกิดเหงือกร่นได้
หากเป็นโรคปริทันต์หรือมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคเหงือกอักเสบ กรุณาพบทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือกและปริทันต์ อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจเช็คสุขภาพของเหงือก
การรักษาเหงือก
การรักษาด้วยยาในผู้ป่วยที่มีความวิตกกังวลทางทันตกรรม
การศัลยกรรมตกแต่งเหงือก
การทำศัลยกรรมตกแต่งเหงือก อาจทำเพื่อช่วยรักษาโรคปริทันต์หรือแก้ไขสภาพเหงือกเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างรอบ ๆ ฟัน เพื่อความสวยงามที่ดีขึ้น ขั้นตอนในการรักษาคือการตัด(เหงือก) จากด้านในและด้านรอบๆ ฟัน เพื่อให้ได้รูปทรงร่องเหงือกโดยรวมที่เหมาะสมมากขึ้น
“การยิ้มเห็นเหงือก” ซึ่งบางคนที่มีเนื้อเหงือกเยอะบริเวณรอบ ๆ ฟันบน สามารถรักษาโดยการทำศัลยกรรมตกแต่งเหงือก
ศัลยกรรมเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวของฟัน
ศัลยกรรมเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวของฟันโดยปกติจะทำกับฟันหน้า เพื่อเพิ่มความยาวของฟันหรือมิติของฟันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาก่อนที่จะทำการบูรณะฟัน โดยการทำครอบฟันหรือวีเนียร์ ซึ่งทันตแพทย์อาจจำเป็นต้องกรอฟันของคนไข้
การผ่าตัดเหงือกโดยทั่วไปจะใช้มีดผ่าตัดในการทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และหลังจากขั้นตอนการผ่าตัดเสร็จสิ้น ทันตแพทย์จะนัดเพื่อกลับมาตรวจเหงือกอีกครั้งหลังจากได้รับการผ่าตัดไปประมาณ 1-2 สัปดาห์
การปลูกเหงือก
การปลูกเหงือกมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันภาวะเหงือกร่นและในบางกรณีใช้เพื่อลดภาวะเหงือกร่นที่เป็นอยู่ไม่ให้แย่ลงการปลูกเหงือกที่ประสบความสำเร็จจะต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง มีลำดับขั้นตอนในการตรวจที่ดี เช่นเดียวกันกับการให้ความร่วมมือของผู้ป่วยในการดูแลสุขภาพของช่องปากด้วย
การเสริมกระดูก
การปลูกกระดูกคือการใช้กระดูกเทียมหรืออาจเป็นกระดูกของตัวผู้ป่วยเอง ปลูกถ่ายเข้าไปในกระดูกขากรรไกรหรือปลูกถ่ายกระดูกพร้อมกับการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถหากระดูกมาทดแทนได้อย่างหลากหลาย โดยหลัก ๆ กระดูกทดแทนจะมีทั้งหมด 4 ชนิด คือ Allografts : กระดูกจากสิ่งมีชีวิตสปีชีส์เดียวกันเป็นกระดูกจากผู้บริจาคซึ่งผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อ และสเตอร์ไรด์แล้ว เป็นเซลล์กระดูกที่ไม่มีชีวิต ดังนั้นการปลูกถ่ายกระดูกชนิดนี้จะเกิดความเสี่ยงกรณีร่างกายต่อต้าน ทำให้กระดูกไม่ติดเกิดขึ้นได้น้อยมาก และไม่จำเป็นต้องได้รับการการผ่าตัดหรือได้การแก้ไขเพิ่มเติ่มอื่นๆอีก Autograft : กระดูกจากคนไข้คือการผ่าตัดเก็บกระดูกจากบริเวณอื่นของคนไข้ มาปลูกในส่วนที่จะฝังรากฟันเทียม ข้อดีคือ เป็นกระดูกของคนไข้เอง มีเซลล์ของตัวเอง ร่างกายจะไม่ต่อต้าน แต่ข้อเสียคือคนไข้อาจจะมีแผลหลายตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งที่นิยมเก็บมา ก็คือกระดูกขากรรไกรบริเวณฟันคุด และคาง การเก็บกระดูกในลักษณะนี้ สามารถเก็บมาได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เป็นชิ้น (block bone graft) หรือเป็นผง (particulated) เป็นต้น XenoGraft : กระดูกจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเป็นกระดูกจากสัตว์ผ่านกรรมวิธีปลอดเชื้อ ซึ่งมีกรรมวิธีที่ยุ่งยาก จึงทำให้ราคาของกระดูกชนิดสูง แต่ข้อดีของกระดูกชนิดนี้คือละลายหายไปช้า ทำให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ของทันตแพทย์ที่จะทำการปลูกกระดูก Alloplast : กระดูกสังเคราะห์ที่ทำจากแคลเซียม ฟอสเฟต หรือเซรามิก กระดูกที่จะนำมาปลูกถ่ายนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้ให้การรักษา ในการเลือกประเภทของวัสดุที่จะนำมาใช้งานให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายวิภาคของผู้ป่วยแต่ละท่าน